รีวิวปืน HK P2000 9mm
สมมุติกล่าวขวัญปืนโครงโพลิเม่อร์กระบอกแรกที่ผลิตขึ้นมา ฉันเชื่อว่าหลายๆคนจะคิดถึง Glock เพราะความที่ปืนยี่ห้อนี้เป็น “ผู้จุดกระแสปืนโครงโพลิเม่อร์ให้ได้รับคอกันไปทั่วโลก” เฉพาะจริงๆแล้วบริษัทแรกที่ผลิตปืนโครงโพลิเม่อร์ขึ้นมาในโลกของอาวุธปืนคือ เอช.เค โดยผลิตรุ่น VP 70 ขึ้นมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1970 ก็แค่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จมากนัก จนภายหลังก็เลิกผลิตไป กับหลังจากนั้นมา HK ก็ดูเหมือนจะเหินห่างจากปืนโครงโพลิเม่อร์ไปพักใหญ่ๆ จนมาเอาดีกับ HK USP ซึ่งผลิตขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1993 ซึ่งก็ได้รับความนิยมสนิทพอมีค่า แต่ก็ยังมีผู้ติว่าโครงสร้างของ USP ดูเทอะทะไป แม้จะเป็น USP COMPACT ก็ตาม หุ่นและการออกแบบก็เป็นเหลี่ยมมุมมากเกินไปจนดูกระด้างไปสำหรับคอปืนบางคน
จนกระทั่งมาถึงปี ค.ศ.2001 HK ก็สร้างความฮือฮาด้วยการส่งปืน HK P2000 ลงสู่ตลาด ซึ่งปืนรุ่นนี้เป็นการออกแบบบนพื้นฐานของปืน USP COMPACT และปรับปรุงรูปทรงเสียใหม่ ให้เพรียวและทันสมัยกว่าเดิม พร้อมความสมบูรณ์แบบของระบบลั่นไกที่มีให้เลือกใช้หลากหลาย ทำให้ P2000 ได้รับการตอบรับอย่างดีในตลาดปืนและผู้ใช้ปืนทั่วโลก รวมถึงบ้านเราที่ P2000 กลายเป็นปืนที่มีผู้ต้องการมากที่สุดรุ่นหนึ่งไปแทบจะในทันทีที่มีการนำเข้ามา
HK P2000 เป็นปืนที่เหมือนกับเป็นภาคต่อของ USP ทำให้ได้รับอิทธิพลมาจาก USP พอสมควร ไม่ว่าจะเป็นรูปทรงของสไลด์ รวมไปถึงบางส่วนของโครงปืน แต่ได้รับการลบเหลี่ยมมุมต่างๆให้เพรียวมากขึ้น เหมาะแก่การพกพาและสามารถชักออกมาจากซองได้โดยไม่มีส่วนเกี่ยวติดกับเสื้อผ้า
ด้านข้างสไลด์ส่วนบนปาดสอบขึ้นด้านบน ต่างจาก USP ที่เป็นเหลี่ยมสัน ด้านท้ายของสไลด์ทำร่องกันลื่นไว้กว้าง ช่วยให้จับขึ้นลำได้ถนัดมือและรวดเร็ว ด้านหน้าและท้ายของสไลด์จะปาดมุมทั้งสองด้านตามสไตล์ของปืนพกชั้นดี ขอรั้งปลอกมีขนาดใหญ่และแข็งแรง พร้อมแต้มจุดสีแดงไว้ให้เห็นเมื่อมีกระสุนบรรจุอยู่ ช่องคายปลอกผายออกค่อนข้างกว้าง ทำให้การคายปลอกเปล่าเป็นไปได้อย่างสะดวกไม่ชนกับช่องคายปลอก แล้วเปลี่ยนทิศทางเข้าหาผู้ยิงเหมือนที่พบในปืนบางกระบอก ศูนย์ปืนของ P2000 มีทั้งแบบแต้มจุดขาวธรรมดาและแบบศูนย์เรืองแสง สำหรับกระบอกที่ทดสอบติดตั้งศูนย์เรืองแสงมาให้จากโรงงาน ซึ่งให้ความสว่างของจุดเรืองแสงค่อนข้างชัดมากเมื่อต้องยิงในสภาพแสงน้อย
โครงปืนของ P2000 เป็นโพลิเม่อร์ที่ฉีดขึ้นรูปที่ HK ระบุไว้ว่า มีการเสริมเส้นใยไฟเบอร์เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและยังทนต่อการกัดกร่อนของสารเคมีและน้ำยาล้างปืนต่างๆได้ดี โครงด้ามได้รับการออกแบบให้จับถือได้ถนัดมือกว่า USP มีการทำเว้าส่วนของโครงด้ามให้สามารถกำปืนได้สูง ซึ่งมีผลอย่างมากต่อการควบคุมปืนในขณะยิง โครงปืนส่วนหน้าจะมีร่องสำหรับใส่อุปกรณ์เสริม เช่นพวกศูนย์เลเซอร์-ศูนย์ไฟฉาย โกร่งไกได้รับอิทธิพลไปจาก USP ค่อนข้างชัดเจน ภายในโกร่งไกจะมีทริกเกอร์ การ์ด เป็นสันยกขึ้นมา โกร่งไกกว้างเผื่อสำหรับเจ้าหน้าที่สวมถุงมือยิง สันด้ามหลังสามารถถอดเปลี่ยนได้ให้เหมาะกับขนาดมือของผู้ยิงแต่ละคน มีแถมมาให้ 3 ขนาด ถอดเปลี่ยนได้ง่ายด้วยการถอดสลักด้านล่างออก ปุ่มปลดแม็กกาซีนมี 2 ด้าน เป็นแบบเดียวกับของ USP มีขนาดกะทัดรัด แต่ก็ทำให้ปลดแม็กกาซีนออกได้ยากเหมือนกัน หากทำให้ขนาดยาวกว่านี้น่าจะเหมาะกับการใช้งานมากกว่า เพราะจากการยิงที่ต้องมีการเปลี่ยนแม็กกาซีนในขณะยิง จะเสียเวลาในการขยับมือเพื่อหามุมในการปลดแม็กฯ จุดนี้น่าจะเป็นจุดเดียวที่ผมไม่ชอบเลยสำหรับ P2000 คันค้างสไลด์มี 2 ด้าน เช่นเดียวกับปุ่มปลดแม็กฯ มีขนาดค่อนข้างยาว เจตนาคงจะให้มาอยู่ใกล้กับหัวแม่มือในขณะกำปืน รูปทรงของคันค้างสไลด์ค่อนข้างจะเป็นแบบเรียบไปกับโครงปืน แต่ก็ใช้งานได้สะดวกและเหมาะสม
HK P2000 ใช้ระบบหน่วงเวลาขัดกลอนแบบ เบราว์นิ่ง-แพ็ทเตอร์/ซิก โดยใช้บ่าด้านบนของรังเพลิงขัดกลอนกับช่องคายปลอก และใช้ทางลาดใต้รังเพลิงในการดึงท้ายลำกล้องให้ยุบตัวลง ซึ่งระบบขัดกลอนแบบนี้มีข้อดีคือ ทำให้สามารถออกแบบวางแนวลำกล้องให้ต่ำและอยู่ใกล้มือที่กำปืนได้มากที่สุดเมื่อเทียบกับระบบขัดกลอนแบบอื่นๆ และยังใช้ชิ้นส่วนน้อยชิ้นกว่า รวมถึงความทนทานที่มีมากกว่า
ชุดลั่นไกของ P2000 จริงๆแล้ว HK P2000 มีชุดลั่นไกในแบบ LEM (Low Enforcement Modification ) ซึ่งถูกนำมาใช้ครั้งแรกกับ HK USP Compact ที่จำหน่ายในประเทศสหรัฐอเมริกา แต่สำหรับกระบอกนี้จะเป็นนกสับในแบบ DA/SA ดับเบิ้ล-แอ็คชั่น/ซิงเกิ้ล-แอ็คชั่น คือสามารถเหนี่ยวไกยิงได้ในระบบดับเบิ้ลเหนี่ยวไกยาวจนนกสับในนัดแรก และยิงในระบบซิงเกิ้ลในนัดต่อๆไป การยิงในระบบดับเบิ้ลค่อนข้างจะตื้อและมีสะดุดในบางช่วงของทางเดินไก น้ำหนักไกในแบบดับเบิ้ลจะอยู่ที่ประมาณ 11-12 ปอนด์ สำหรับในการยิงแบบดับเบิ้ลแอ็คชั่น มีทางเดินไกที่ลื่นพอสมควร น้ำหนักไกซิงเกิ้ลอยู่ที่ประมาณ 4-5 ปอนด์ ซึ่งก็พอใช้ได้ในปืนขั้นต่อสู้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น